25 กันยายน 2553

เขาวัง - พระราชวังมฤคทายวัน ONE DAY TRIP


สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา แนะนำให้ไปเที่ยวแบบ
ONE DAY TRIP เขาวัง - พระราชวังมฤคทายวัน
ไปแล้วประทับใจ ไม่เหนื่อย ออกจากกรุงเทพฯ 7 โมงเช้า
 

แวะไหว้ ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อเป็นศิริมงคลก่อนออกเดินทางสู่เขาวัง

            เราขึ้นโดยรถราง สำหรับผู้ที่ชอบเดินชมความงดงามของ 2 ข้างทางไปเรื่อยๆ
สามารถเดินขึ้นไปได้ ค่าเข้าชม 20 บาท

ภาพที่ถ่ายจากเขาวังมองเห็นทิวทัศน์สวยงาม
พระนครคีรี เขาวัง ตั้งอยู่บนเขาสุมน เดิมเป็นพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พศ. 2402 พระราชทานนามว่า เขามหาสวรรค์ เขาวังเป็นพระราชวังแห่งแรกที่สร้างบนภูเขาที่มียอดเขาสามยอดติดต่อกัน

ทางขึ้นพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
หอชัชวาลเวียงชัย เป็นสถานที่ศึกษาสังเกตุการณ์ทางดาราศาตร์
ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
มุมนี้เห็นพระธาตุจอมเพชรงดงามไปอีกแบบ
วัดพระแก้วเป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี
ภาพนี้ถ่ายจากหอชัชวาลเวียงชัย เพราะหมดแรงเดินข้ามเขาแล้ว
แต่ก็มองเห็นความงดงาม จึงเก็บภาพนี้มาฝาก

พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท
ภาพสุดท้ายมุมด้านข้างพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท
การเดินเที่ยวเขาวังควรมาแต่เช้าอากาศจะได้ไม่ร้อน เดินดูความงดงาม
ของบริเวณรอบๆเขาวังได้สบายๆ แต่ก็เหงื่อกตกเหมือนกัน



แวะทานอาหารตามทางไปเรื่อยๆ ทริปนี้ไม่เน้นเรื่องอาหาร

และแล้วก็มาถึงพระราชวังมฤคทายวัน ประมาณ บ่าย 2 บัตรเข้าชม 30 บาท
ผู้เข้าชมต้องแต่งกายสุภาพ กางเกงเลยเข่า ถ้าใส่กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุดไปต้องไปเปลี่ยน
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ปิดค่ะ

บริเวณรอบๆพระราชวังมฤคทายวัน
พระราชวังมฤคทายวัน สร้างเสร็จ พศ. 2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแปรพระราชฐานประทับที่ พระราชวังมฤคทายวัน ในช่วงฤดูร้อนปี พศ. 2467

มองเห็นความร่มเย็นของต้นไม้ใหญ่ปกคลุมไปทั่ว
จากศาลาพระที่นั่งมองเห็นทะเลกว้างไกลงดงามสุดสายตา
จากด้านนอกมองเห็นสีฟ้า ตัดกับสีครีมสวยงามสบายตา
ทางเดินเชื่อมต่องดงาม
พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์
เรือนพักผู้สำเร็จราชการมหาดเล็ก หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ
เพดานสีฟ้าตัดสีครีมสวยจริงๆ
อีกมุม
ห้องดนตรีไทย พระราชวังมฤคทายวัน 

เครื่องแต่งกายในสมัยนั้น
ก่อนกลับขอซักรูปเป็นที่ระลึก
อีกมุมจากระเบียงด้านบน

ภาพสุดท้ายก่อนกลับ
การเดินทางมาเที่ยวที่ พระราชวังมฤคทายวัน ควรมาถึงช่วงบ่ายๆ อากาศจะได้ไม่ร้อนมาก
เดินดูความงามของ พระราชวังมฤคทายวัน ไปได้เรื่อยๆ เพลิดเพลินได้ความรู้ มีเจ้าหน้าที่
อธิบายความสำคัญของห้องต่างๆ
สรุป ONE DAY TRIP เขาวัง - พระราชวังมฤคทายวัน มีความสุขมากๆ ใครที่ชอบเที่ยวแบบ
ONE DAY TRIP ไม่ควรพลาด ถ้าผ่านมาทางเส้นทางนี้




21 กันยายน 2553

วัดใต้น้ำสังขละบุรี Unseen Thailand


เคยเห็นรูปวัดใต้น้ำในหนังสือ เห็นสะพานไม้ที่สังขละ ชอบมากๆ อยากไปเห็นของจริง ว่าจะสวยงามเหมือนในภาพหรือไม่ และแล้ววันนั้นก็มาถึงได้ไปเห็นถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกวัดจมอยู่ใต้น้ำ ครั้งที่ 2 ได้ข่าวว่าน้ำลดจนเห็นพื้นวัดอยากไปเห็นสุดๆ ชวนเพื่อนจองที่พักไปทันที  เดินทางออกจากกรุงเทพฯ 7 โมงเช้า แวะเที่ยวตามทาง ทานอาหารไปเรื่อย ที่แรกที่จะแนะนำคือ วัดหลวงตาบัว (Tiger Temple)



ทางเข้าวัดหลวงตาบัว ไปถึงวัดประมาณ 11 โมง คนไทยก่อนเที่ยงเข้าชมฟรี
ช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่จะนำเสือออกมาให้ชม มีการให้นมเสือน่ารักมากๆ ให้ถ่ายรูปกับเสือด้วย



ถามว่ากลัวมั๊ย กลัวเหมือนกันแต่ไปถึงที่แล้วต้องขอถ่ายรูปกับเสือเอามาอวดเพื่อนๆกันหน่อย
ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเวลาจับเสือให้วางมือไปเต็มๆ ไม่ต้องลูบเสือจะรำคาญ
ออกจากวัดประมาณบ่ายโมงครึ่ง ไม่ได้รอหลวงตาลงมาเพราะกลัวว่าจะไปถึงสังขละมืด  



แวะน้ำตกผาตาด อุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ ถ่ายรูปกันอีกนิด
ออกจากน้ำตกผาตาดก็ตรงสู่สังขละเลย
ทางไปสังขละไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง
ถึงที่พักสามประสบรีสอร์ท ถ้าใครอยากไปพักที่นี่ขอแนะนำห้องพักบีคลี่
เพราะจะเป็นมุมที่ถ่ายรูปสะพานสวยมาก ห้องราคาคืนละ 1300 บาท
รวมอาหารเช้าเป็นกาแฟ ขนมปัง ข้าวต้ม
ภาพบ้านพักถ่ายจากสะพานสังขละ
อีกมุมหนึ่งของบ้านที่สามารถมองเห็นสะพานสังขละและบรรยากาศโดยรอบได้สวยงามมากๆ
ให้ดูสังขละภาพนี้ก่อนถ่ายเมื่อเดือนธันวา ปีที่แล้วน้ำเต็ม


ช่วงเย็นเด็กๆจะมากระโดดน้ำที่สะพานสังขละ ให้พวกเราได้ถ่ายรูปน่ารักๆกัน
ภาพนี้เป็นภาพปัจจุบันสะพานสังขละน้ำแห้งมาก ชาวบ้านบอกว่าไม่เคยแห้งขนาดนี้มาก่อน
เด็กๆไม่มีใครกล้ามากระโดดสะพานอีกเลยกลัวเจอ....
สะพานมอญที่สังขละนี้เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เดิมชาวบ้านเรียกว่า สะพานบาทเดียว
สร้างด้วยแพไม้ไผ่ต่อติดกัน เวลามีคนเดินข้ามจะเก็บคนละ 1 บาท ต่อมาหลวงพ่ออุตตมะเห็นว่า ชาวบ้านเดือดร้อนที่ต้องเสียเงินข้ามสะพานกันทุกวัน จึงคิดสร้างสะพานเชื่อมโดยใช้ไม้เนื้อดีทั้งหมด สร้างเสร็จประมาณ พ.ศ. 2530 ใช้เวลาสร้าง 8 เดือน โดยแรงงานชาวมอญและแรงศรัทธาจากชาวบ้าน โดยไม่ใช้เครื่องจักรในการก่อสร้าง ปัจจุบันชื่อเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ มีความยาวประมาณ 900 เมตร

ภาพสังขละยามราตรี
ทานอาหารค่ำที่สามประสบรีสอร์ท ปลาทอดอร่อยสุดๆ กรอบนอกนุ่มใน
ตื่น 6 โมงเช้า ข้ามสะพานไปใส่บาตรที่ฝั่งมอญ

ชุดละ 99 บาท ดอกไม้ช่อละ 10 บาท

วิถีชาวบ้านฝั่งมอญ
หลังจากใส่บาตรทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เหมาเรือลำละ 300 บาทเพื่อพาไปชมวัดใต้น้ำสังขละ

และบรรยากาศหมอกยามเช้า
นั่งเรือผ่านเจดีย์พุทธคยาจำลอง สวยงามจับตาจริงๆ
2 ภาพนี้เป็นภาพวัดใต้น้ำ สังขละบุรี เมื่อเดือนธันวา ปีที่แล้ว
ภาพนี้เป็นภาพวัดใต้น้ำ สังขละบุรี ปัจจุบันน้ำแห้ง จนเห็นพื้นหญ้าขึ้นเต็มไปหมด
พอเรือไปถึงก็จะมีเด็กๆมาขายดอกไม้ไหว้พระในโบถส์ ช่อละ 10 บาท
ชมความงาม Unseen Thailand วัดใต้น้ำ สังขละบุรี ที่หาชมได้ยาก
ภาพนี้ถ่ายจากหน้าต่างโบถส์ เห็นธรรมชาติสวยงามไปอีกแบบ
อีกภาพของสะพานตอนนั่งเรือกลับรีสอร์ท
กลับจากชมวัดใต้น้ำ สังขละบุรี ก็อาบน้ำไปชมวัดวังก์วิเวการาม
สิงห์หน้าเจดีย์พุทธคยา
ชมความงามเจดีย์พุทธคยา
ภาพสุดท้ายก่อนออกจากสังขละบุรี
อยากบอกว่าประทับใจในธรรมชาติ และทุกสิ่งที่สังขละบุรี ใครยังไม่เคยไปแล้วชอบเที่ยวแนวนี้ลองไปดูแล้วจะไม่ผิดหวัง..............